โหราเวช
• โหราเวช
โหราเวช คือ วิชาพยากรณ์ปูมโรคในร่างกายมนุษย์ก่อนจะทำการรักษา โดยถือเอาตำแหน่งของดาวนพเคราะห์ที่โคจรในเรือนชะตาของ แต่ละบุคคล กอร์ปด้วยหลักวิชาปรวนแปรของธาตุเจ้าเรือน มีธาตุอะไร? ภินนะ จรณะ มรณะและกฎสภาวะแวดล้อมของธรรมชาติเป็นตัวกำหนดนอกจากนี้ยังสามารถทำนายดวงชะตาของมนุษย์ได้อีกโสดหนึ่ง โหราเวชแบ่งวิธีบำบัดรักษาโรคได้ 3 สาขาใหญ่ ๆ คือ
1. เวชมนตรา คือ การรักษาโรคจริตของมนุษย์อันไม่ปรากฏมูลเหตุทางกายภาพที่ชัดเจน เช่น โรคลมพัดลมเพ โรคบริวิตกจริต โรคอันเกิดจากการกระทำทางคุณไสย ต้องพิษผีพิษโป่ง พิษพรายไร้ร่องรอย ผีเข้าเหล้าตือ
2. เวชปฏิสสะ คือ การรักษาโรคอันปรากฏให้เห็นทางกายภาพจากทวารทั้งสิบของมนุษย์ ใช้วิชาการแพทย์มีเวชกรรม เภสัชกรรม ผดุงครรภ์ นวดไทย และวิชาอื่น ๆ ในหมวดแพทย์ทางเลือกบำบัดรักษาและแพทย์แผนปัจจุบัน
3. ญาณเวช คือ การรักษาด้วยสมาธิจิตระดับญาณสัมผัสไม่ต้องสัมผัสทางกายก็สามารถรู้อาการของโรคด้วยญาณทัศนะให้การรักษาอย่างถูกต้อง ส่วนมากจะเป็นครูบาอาจารย์ที่เป็นพระเถระและหมอครูผู้เฒ่าผู้รจนาตำรายาไว้ในสมุดข่อย สมุดไท ปั๊บลาน ปั๊บสา ให้พวกเราได้สืบต่อ โหราตะ คือ ผู้ร่ายมนต์ในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น ศาสนพิธี ลัทธิพิธี ไสยพิธี รู้ศาสตร์ดวงดาวโคจรบนท้องฟ้า รู้ศาสตร์ความเป็นไปในวิถีความเป็นมนุษย์ มีพลังอิธิวิถีในตัวอย่างมาก มีจิตตะวาสะในการหยั่งรู้สูงยิ่ง โหระตะเป็นบุคคลที่หาได้ยาก หมอโหราเวชก็หาได้น้อยตัว เพราะเป็นวิชาที่สืบภายในตระกูล ส่วนหมอโหราพยากรณ์ยังหาได้ในสำนักโหราทั่วไป
หมอวิชิต เกศะรักษ์ เกิดวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๘๖ เกิดในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ ชั้นในแจ่ง หัวลิน เกิดในตระกูลเกศะรักษ์ ตระกูลพระราชทานในรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เลขลำดับที่ 1158 ใบทะเบียนนามสกุลพระราชทาน ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2456 ตระกูลเกศะรักษ์ เป็นข้าละอองธุลีพระบาทในตำแหน่งโหรหลวงและอาลักษณ์หลายรัชกาล โดยเฉพาะหลวงอุดมสมบัติ (อิ่ม) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงพระราชกระแสรับสั่งย้ายจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีให้มารับตำแหน่งเดิม คือ โหรหลวงและอาลักษณ์ให้ชั้นยศเป็นพระยาพานทอง แต่ให้รับสนองพระราชกิจในตำแหน่งเดิมโหรหลวงและอาลักษณ์จบสิ้นรัชกาล หมอวิชิต เกศะรักษ์ ได้สืบวิชาโหราเวชตำรายาเวชปฏิสสะเป็นวิชาของตระกูล